ตามที่นายกรัฐมนตรี (นายเศรษฐา ทวีสิน) ได้กำชับให้เร่งกวดขันปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อป้องกันเด็กและเยาวชน โดยมอบหมายให้นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดกับผู้ลักลอบขาย บุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า

.

เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 นายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค มอบหมายศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ สคบ. อำนวยการโดย พ.ต.อ.ประทีป เจริญกัลป์ รองเลขาธิการ สคบ. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ สคบ. สั่งการให้นายเลิศศักดิ์ รักธรรม ผู้อำนวยการส่วนบังคับคดี ปฏิบัติหน้าที่รองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ สคบ. นายฤทธิรอน ทวีทรัพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายรับเรื่องราวร้องทุกข์ ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการพิเศษ สคบ. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ สคบ. ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านค้าซึ่งลักลอบเปิดร้านขายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าให้กับเด็กและเยาวชนมีทั้งกลุ่มเด็กนักเรียนเป็นจำนวนมาก ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ตรวจสอบพบร้านระฆังทอง ร้านสุดจัดปลัดบอก สาขาตลาดบ้านบ่อน้ำ และร้านสุดจัดปลัดบอก สาขาท้ายซอยพรหมประกาย รวม 3 ร้าน มีการลักลอบเปิดร้านขายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จึงได้ตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าทั้งหมดพร้อมนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ฝ่าฝืนกฎหมายในทุกข้อหา

.

จากการตรวจสอบพบหลักฐานการขายของร้านสุดจัดปลัดบอก สาขาตลาดบ้านบ่อน้ำ และสาขาท้ายซอยพรหมประกาย มียอดขายบุหรี่ไฟฟ้าเฉลี่ยวันละ 20,000 บาท ในการปฏิบัติการครั้งนี้สามารถยึดของกลางได้จำนวนประมาณ 3,466  ชิ้น มูลค่าโดยประมาณ  1  ล้านบาท 

.

โดยนายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ เลขาธิการ สคบ. กล่าวว่า "ปัจจุบันสถานการณ์ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าที่มีการกวดขันบังคับใช้กฎหมายในทุกพื้นที่ทำให้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการขายในช่องทางออนไลน์มากขึ้น แต่ก็มีบางร้านที่ยังมีการเปิดขายหน้าร้านและปล่อยให้มีเด็กและเยาวชนเข้าไปซื้อมาใช้ส่งผลเป็นอันตรายต่อสุขภาพและพัฒนาการทางสมองและระบบทางเดินหายใจ ซึ่ง สคบ. ก็จะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่องตามนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี”

.

และนายเลิศศักดิ์ รักธรรม รองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ สคบ. กล่าวว่า "การปฏิบัติการในครั้งนี้ สคบ.ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนในพื้นที่ว่ามีการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่เมืองอุดรธานีหลายร้านมีลูกค้าจำนวนมากรวมทั้งเด็กและเยาวชนบางร้านได้ถูก สคบ. ลงตรวจจับมาแล้วแต่กลับมาลักลอบเปิดขายอีกจึงอยากให้ สคบ. ดำเนินการ จึงนำมาซึ่งการปฏิบัติการทลายแหล่งขายบุหรี่ไฟฟ้าในวันนี้ และจะได้มาติดตามความคืบหน้าของการดำเนินคดีกับผู้ขายบุหรี่ไฟฟ้า จากการที่ สคบ. เคยลงพื้นที่ตรวจค้นร้านขายบุหรี่ไฟฟ้าในจังหวัดอุดรธานี เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งจะได้นำผลการติดตามความคืบหน้าของการดำเนินคดีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ รายงานต่อคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งมีนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ เพื่อรับทราบผลการดำเนินการ ต่อไป"

.

ทั้งนี้ การลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า เป็นความผิดตามคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองที่ 9/2558 เรื่อง "ห้ามขายหรือห้ามให้บริการบารากู่ บารากู่ไฟฟ้า บุหรี่ไฟฟ้าหรือน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า” ซึ่งหากว่าใครฝ่าฝืนเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ใดพบเห็นการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ หรือแจ้ง สคบ. ได้ที่สายด่วน 1166 เว็บไซต์ www.ocpb.go.th แอปพลิเคชัน OCPB Connect รวมทั้งศูนย์ดำรงธรรม ในทุกจังหวัด